สิ่งที่บรรจุอยู่ในกรงยักษ์นั้น ที่แท้เป็นดรุณีน้อยไม่เกินเจ็ดแปดขวบจำนวนหนึ่ง แต่ละกรงมียี่สิบคน แต่ละคนสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ เหนืออกเสื้อเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ยักษ์เหมือนกับพวกนักโทษ ในแต่ละกรงจะเขียนตัวอักษรต่างกัน มีคำว่า มู่ เว่ย เยียน จูเก่อ ส่วนจ้าวเช่อกับจ้าวเจว๋ใช้คำว่า ‘เช่อ’ กับ ‘เจว๋’เป็นตัวแบ่ง เด็กพวกนั้นถูกขังไว้ในกรงมืดเป็นเวลานาน พอเห็นแสงสว่าง พลันหลับตาแน่น ตื่นตระหนกจนเบียดไปกองรวมกัน แววตาหวั่นหวาดเหมือนกระต่ายน้อยที่ขวัญอ่อนฝูงหนึ่ง
จูเก่อหวายยิ้มกล่าว “ช่วงก่อนมีพ่อค้าเร่ร่อนจากแดนซีอวี้กลุ่มหนึ่งมาที่จวน การละเล่นนี้เป็นพวกเขาสอนข้า อีกเดี๋ยวข้าจะสั่งคนเอากรงออก ปล่อยหมาป่าในกรงสัตว์ออกมา เดรัจฉานพวกนั้นอดอยากปากแห้งมาสามวันแล้ว กำลังเลือดขึ้นหน้า พวกเราทั้งสามารถยิงสัตว์ และสามารถยิงทาสในกรงของคนอื่น หลังธูปไหม้หมดดอก ดูว่าใครเหลือทาสมากที่สุด ถือเป็นผู้ชนะ”
คุณชายเว่ยหัวเราะฮาๆ ตบมือก่อนเป็นคนแรก “น่าสนใจไม่เบา ต้องสนุกแน่”
จูเก่อหวายกล่าวต่อ “งั้นก็เริ่มได้แล้ว ทุกคนมีธนูสามสิบดอก เปิดกรง”
เหล่าบริวารรับใช้ได้รับคำสั่งก็ยกกรงถอยออกไปจากคอกล่าสัตว์ บรรดาเด็กน้อยยืนนิ่งกับที่ตัวสั่นผวา คล้ายว่าพวกนางยังถูกขังอยู่ในกรงกระนั้น ไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย
ทันใดนั้น ปรากฏเสียงคำรามดังสนั่น ระแนงไม้สองด้านถูกเปิดออก หมาป่าดุร้ายยี่สิบกว่าตัวพุ่งเข้ามาในคอก อ้าปากกว้างคำรามลั่นกระโจนใส่กลุ่มเด็ก!
เสียงร้องแตกตื่นอึงอลทั่วบริเวณ ดรุณีน้อยเจ็ดแปดขวบประสานเสียงแหลมดัง เนื้อตัวสั่นสะท้านเบียดเข้าหากัน ก่อนชักเท้าวิ่งไปยังจุดที่มีคนยืนอยู่ ขณะเดียวกัน เกาทัณฑ์คมกริบจากนอกระแนงไม้ก็ยิงกระหน่ำเข้าสู่ภายในด้วยความเร็วสูงสุด เพียงทว่า ทิศทางกลับหาใช่หมาป่าดุร้ายที่หิวโหยเหล่านั้น แต่เป็นเด็กที่กำลังวิ่งมาหาตัวเอง
คาวเลือดฉุนแรงโชยคลุ้งเสียดฟ้า เสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาดังก้องถึงสรวงสวรรค์ ลูกธนูแทงทะลุไหปลาร้าและหน้าท้องช่องอกของเหล่าเด็กน้อย เลือดแดงสดถั่งทะลักออกมา บนร่างที่ผอมโซของพวกนางเบ่งบานด้วยบุปผาสีแดงสดใสดอกแล้วดอกเล่า ฝูงหมาป่าถูกกระตุ้นความหิวด้วยกลิ่นคาว ยิ่งทวีความดุเดือดเหี้ยมเกรียม หมาป่าสีดำอมเขียวตัวหนึ่งกัดกระชากแขนของเด็กคนหนึ่งจนขาดกระจุย เด็กคนนั้นยังไม่ทันเปล่งเสียงอนาถก็โดนหมาป่าอีกตัวฉีกทึ้งขาไปหนึ่งข้าง ศีรษะโดนกัดแหว่งไปครึ่งใบ เนื้อสมองขาวใสกับเลือดสดไหลปนเป กระเซ็นสาดราดรดบนผืนดินที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน!
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นไม่ขาดหู หลังไหล่เจ็บร้าวสุดทน หนังตาหนักอึ้งราวกับถ่วงด้วยหินพันชั่ง เรือนร่างเล็กๆ ของจิงเยว่เอ๋อร์โดนลูกศรแทงทะลุ ตอกตรึงกับพื้น ลมหายใจของนางค่อยๆ แผ่วโผย เหมือนตกตายไปแล้ว แต่หัวคิ้วของนางกลับขมวดเข้าหากัน ยิ่งขมวดยิ่งแน่น หมาป่าดุร้ายตัวหนึ่งย่างเข้ามาช้าๆ ดวงตาของมันส่องประกายแวววับจับจ้องอยู่ที่เด็กน้อยคนนี้ น้ำลายที่เหม็นสาบไหลยืด หยดติ๋งบนคอของเด็กน้อย
ในความลี้ลับที่มองไม่เห็น คล้ายดวงตาสวรรค์กำลังเพ่งมองละครฉากสยองบนโลกหล้า ชั่วขณะที่จุมพิตหมาป่ากำลังประทับลงมา สองตาของเด็กน้อยพลันเบิกโพลง วาวใสดั่งใบมีด ปราศจากความอ่อนแอและขี้ขลาดเยี่ยงทารกแม้ครึ่งส่วน ยื่นมืออกมาตามสัญชาตญาณ บีบรัดกรามทั้งบนล่างของหมาป่าจนแน่น จากนั้นผงกหัวขึ้นมา อ้าปากงับลิ้นที่เหยียดยาวของมัน แล้วสะบัดเต็มแรง!
เสียงแผดแหลมแสบหูพลันก้องดัง ทุกผู้คนล้วนหันหา เพ่งสายตามาทางเด็กที่กัดลิ้นหมาป่าคนนั้น ในห้วงตะลึงงัน ถึงกับลืมน้าวยิงเกาทัณฑ์
จ้าวเช่อตื่นจากภวังค์เป็นคนแรก เห็นบนร่างเด็กคนนั้นมีตัวอักษร ‘เช่อ’ พลันแหงนหน้าลั่นหัวร่อ โก่งสายธนูแล้วดีดผึงปักตรึงคอหอยของหมาป่าจอมโหด
หมาป่าแผดอนาถคำหนึ่ง ล้มตึงกับพื้นดิน ฉากสยองบนคอกล่ายังคงดำเนินต่อ หมาป่าที่เหลือไล่ล่าอยู่ด้านหลังดรุณีน้อยอื่นๆ ทั่วแผ่นพื้นระเกะระกะไปด้วยซากสังขารและแขนขาที่ขาดกระจุย เสียงโหยไห้ด้วยความเจ็บปวดปานถูกฉีกทึ้งตับไตก้องดังเต็มรูหู จิงเยว่เอ๋อร์ลุกยืนโงนเงน เบิกตากลมกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ราวกับถูกเสกเป็นหินศิลา ร่างกายที่เล็กจ้อย เสื้อผ้าแหว่งวิ่นเป็นรูโพรง ผมเผ้ากระเซิงหลุดรุ่ย ดวงหน้าซีดขาว เต็มไปด้วยลิ่มเลือดมอมแมม ลมหนาวพัดพลิ้วหวีดหวิว ไม่ต่างจากหญ้าอ่อนที่ร่องแร่งต้นหนึ่ง
เสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้น ลูกศรดอกหนึ่งพลันพุ่งยิงมา จิงเยว่เอ๋อร์กระโดดถอยอย่างประเปรียว หลบรอดสภาวะคร่าชีวิตไปได้หวุดหวิด ทว่าร่างเล็กแรงน้อย ยังคงโดนลูกศรถากใส่น่องขา เลือดไหลปรี่เป็นทาง
คุณชายเว่ยหัวเราะฮิฮะ พาดลูกศรบนสาย ยิงออกอีกครั้ง
จ้าวเช่อเลิกคิ้ววูบ แค่นเสียงเย็นชาคำหนึ่ง เสียงดังฟิ้วกระแทกก้านธนูของคุณชายเว่ยจนหักกลาง
หมาป่าที่อยู่ข้างหลังราวกับเงาตามตัว กลิ่นสาบจู่โจมจมูกรุนแรง จิงเยว่เอ๋อร์ไม่ทันสำรวจแผลบนน่องเท้าก็รีบถลาไปทางจ้าวเช่อ
หากทว่า นางเพิ่งขึ้นหน้าได้สองก้าว ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ ปักตรึงตรงเบื้องหน้าฝ่าเท้านาง เด็กหญิงผงะอึ้ง ถึงกับหยุดเท้า จากนั้นเงยหน้าขึ้นพร้อมย่นหว่างคิ้ว มองไปยังหนุ่มน้อยชุดดำบนหลังอาชาสีแดงพุทราคนนั้น......
ลี หลินลี่...ผู้แปล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น