วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

จอมนางจารชนหน่วย11 ตอน8ขวบหลอก13ขวบ




ภายในห้อง ความเงียบทอดยาว ลมแผ่วๆ โชยเข้ามาจากนอกหน้าต่าง กล้วยไม้โม่หลันบนซุ้มดอกไม้ที่เพิ่งส่งมาไม่นานส่งกลิ่นหอมชื่นจางๆ
เด็กหญิงยืนนิ่งงันอยู่ด้านล่าง ทว่าเวลายาวนานเกินไป นานจนนางเกือบคิดว่าคนข้างบนหลับไปแล้ว ทนไม่ไหวจึงเงยหน้าชำเลืองแวบหนึ่ง กลับประสานกับดวงตาดำจัดดุจน้ำหมึกในบึงลึกที่มองลงมาพอดี
เมื่อไม่อาจแสร้งเป็นไม่เห็น ฉู่เฉียวจึงเลียปากนิดหนึ่ง แล้วร้องเรียกเบาๆ “นายน้อยสี่”
“แต่งเรื่องมาหลอกข้าเสร็จแล้ว?”
จิ้งจอกน้อยจริงๆ ด้วย ฉู่เฉียวหนาววูบในใจ แต่ต่อหน้ากลับคุกเข่าลงอย่างหวั่นหวาด รีบกล่าวว่า “ซิงเอ๋อร์มิบังอาจโกหกเจ้าค่ะ”
“งั้นหรือ?” จูเก่อเยว่ก้มหน้าหัวเราะแผ่ว แล้วกล่าว “ไหนลองว่ามา”
“ขึ้นสี่ค่ำเดือนก่อน ซิงเอ๋อร์กับเด็กทาสกลุ่มหนึ่ง โดนนายน้อยใหญ่นำตัวไปที่คอกล่าสัตว์ สุดท้าย... สุดท้ายมีแค่ซิงเอ๋อร์ที่รอดกลับมา หลังจากนั้นซิงเอ๋อร์ก็กลัวมาก อาศัยช่วงพักรักษาตัว เก็บข้าวของเตรียมหนี”
“หนี?” จูเก่อเยว่เลิกคิ้วนิดหนึ่ง “เจ้าจะหนีไปไหน”
เด็กหญิงตอบเสียงอ่อย “ข้าก็ไม่ทราบ แค่ไม่อยากรอความตายอยู่ในนี้ นายน้อยอาจคิดว่าซิงเอ๋อร์เนรคุณ แต่หนึ่งคนมีแค่ชีวิตเดียว ชีวิตของซิงเอ๋อร์อาจไม่มีค่าสักนิดในสายตาคนอื่น แต่ในสายตาของซิงเอ๋อร์กลับล้ำค่ายิ่งนัก ตอนที่ซิงเอ๋อร์เตรียมหนีออกไป พวกผู้คุ้มกันพบเห็นเข้า จึงถูกเฆี่ยนตียกใหญ่ วันนี้เขาเห็นข้า กลัวว่าข้าจะล้างแค้น ดังนั้นอยากลงมือก่อน”
“งั้นหรือ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มันช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าจริงๆ” จูเก่อเยว่ดื่มชาคำหนึ่ง ค่อยกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าความจำไม่เลวนี่”
ฉู่เฉียวถึงกับสะอึก เพียงเห็นแววตาจูเก่อเยว่สาดประกายคมกล้า เหมือนอสรพิษร้ายตัวหนึ่ง จึงก้มหน้ากล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นาน ดังนั้นซิงเอ๋อร์จำได้ดี”
จูเก่อเยว่พยักหน้า ก่อนกล่าว “เช่นนั้น เรื่องที่จิ่นซือจิ่นจู๋ยุยงให้ข้าฆ่าหลินซี เรื่องที่จูซุ่นเอาคนในครอบครัวเจ้าส่งให้คนอื่น เรื่องที่มีคนเข่นฆ่าพี่สาวน้องสาวของเจ้า เจ้าจำได้หรือไม่?”
ฉู่เฉียวใจกระตุกวูบ แต่มิได้เงยหน้าขึ้น เพียงโขกศีรษะกับพื้น สะอื้นไห้ออกมาเมื่อกล่าว “นายน้อย ซิงเอ๋อร์ล้วนจำได้ทั้งสิ้น แต่ซิงเอ๋อร์ตระหนักในฐานะและหน้าที่ของตัวเองดี ยิ่งตระหนักในความสามารถอันน้อยนิดของตัวเอง”
“เจ้าหมายความว่า วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อปีกกล้าขาแข็ง ก็จะแก้แค้น ถูกไหม?”
เด็กหญิงเงยหน้าฉับพลัน แหงนมองด้วยแววตาพรั่นพรึง “นายน้อยสี่!
“ไม่ต้องปฏิเสธ แวบแรกที่ข้าเห็นเจ้า ก็รู้ว่าเจ้าไม่ใช่เด็กน้อยที่ความคิดตื้นเขินคนหนึ่งแน่นอน ในแววตาของเจ้าซุกซ่อนอะไรไว้มากมาย ข้ามองเห็น”
เด็กน้อยน้ำตาคลอคลอง เม้มปากก่อนกล่าว “นายน้อยคิดว่าซิงเอ๋อร์จะทำอะไร คิดว่าซิงเอ๋อร์จะไปฆ่าคน? หรือคิดว่าพี่จิ่นจู๋จิ่นซือล้วนเป็นซิงเอ๋อร์ให้ร้ายจนตาย? ซิงเอ๋อร์อายุยังน้อย ต่อให้เคียดแค้นในใจบ้าง แต่ก็ทราบดีว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ตระกูลจิงบ้านแตกสาแหรกขาด บ้างตายบ้างพลัดพรากในชั่วคืน ซิงเอ๋อร์ก็เปลี่ยนจากคุณหนูสูงศักดิ์กลายเป็นข้าทาสชั้นต่ำ หากกล่าวว่าโกรธแค้น ซิงเอ๋อร์ไยมิใช่สมควรโกรธแค้นจักรพรรดิในวังเซิ่งจิน ไยมิใช่สมควรโกรธแค้นคณะมนตรีที่ออกคำสั่งลงมา ไยมิใช่สมควรโกรธแค้นกองทัพหวงเทียนที่ตรวจยึดบ้านของซิงเอ๋อร์? นายน้อย ซิงเอ๋อร์ไม่มีความเก่งกล้าปานนั้น เพียงอยากมีชีวิตสืบไป สิ่งเหล่านั้นหนักหน่วงเกินกำลัง ซิงเอ๋อร์แบกรับไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ”
เด็กหญิงโขกหน้าผากกับพื้น แผ่นหลังเล็กบางตรงแน่ว ทว่าสองไหล่เล็กๆ นั้นกลับสั่นสะท้านไม่หยุด คล้ายหวาดกลัวสุดขีด อยากร้องไห้แต่ก็ไม่กล้าร้องออกมา
สายตาของจูเก่อเยว่พินิจวนเวียนอยู่บนร่างของเด็กหญิง แววคมกล้าฉายชัดในดวงตา สุดท้ายค่อยอ่อนแสงลงท่ามกลางเสียงสะอื้นสุดระทมขมขื่นของนาง
จูเก่อเยว่วางถ้วยชา เอนหลังพิงพนัก กล่าวเนิบๆ ว่า “เจ้าลุกขึ้นเถอะ”
เด็กหญิงเม้มปากแน่น ตาแดงก่ำเบิกโพลง หยาดน้ำอาบคลอ
จูเก่อเยว่มองเด็กหญิงตรงหน้าแวบหนึ่ง เห็นนางตัวเล็กจ้อย ดวงหน้าชมพูใส มือน้อยกำแน่น อยากหลั่งน้ำตาแต่ก็อดกลั้นไว้สุดฤทธิ์ ท่าทางน่าเวทนายิ่งนัก จึงอดถอนใจเบาๆ มิได้ ในใจคิดว่า ข้าคงเจอเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นมากเกิน ถึงได้ตื่นตูมไปเอง ระแวงกระทั่งเด็กน้อยตัวแค่นี้
“เอาล่ะ ถือว่าข้าทำร้ายจิตใจเจ้า อยากร้องก็ร้องเถอะ”
นี่ถือเป็นการขอโทษกลายๆ กระมัง ด้วยนิสัยของจูเก่อเยว่ หรือเคยเกรงใจคนอื่นเช่นนี้มาก่อน แต่เด็กหญิงกลับยืนอยู่ที่เดิมอย่างดื้อดึง ปากเม้มสนิท สองตาเบิกกว้าง อย่างไรก็ไม่ยอมหลั่งน้ำตาสักหยด
จูเก่อเยว่พานหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ โบกมือแล้วกล่าว “ออกไปเถอะ อย่ามายืนเกะกะลูกตา”
ฉู่เฉียวหมุนตัวกระฟัดกระเฟียด ไม่พูดอะไรสักคำก็ตั้งท่าออกไป
“หยุดตรงนั้น!
จูเก่อเยว่ตวัดเสียงเย็นจัด ฉู่เฉียวหยุดยืนนิ่งตามสั่ง เพียงแต่ไม่หันหน้ากลับมา
จูเก่อเยว่หยิบขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ใบหนึ่งจากลิ้นชักข้างตัว เดินลงมาช้าๆ ยื่นมือจับไหล่ของฉู่เฉียว หมายหมุนร่างนางกลับมา แต่นิ้วมือกลับรู้สึกได้ถึงแรงทิฐิที่ดึงดัน จูเก่อเยว่เลิกคิ้วมอง เห็นเด็กหญิงเกร็งตัวขืนแรงเต็มที่ อย่างไรก็ไม่ยอมหัน
จูเก่อเยว่จะอย่างไรก็แก่กว่านางหลายปี สองมือกดประทับบนไหล่นาง ออกแรงเล็กน้อย บังคับให้เด็กหญิงหมุนตัวกลับมา
ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและแววน้อยเนื้อต่ำใจปรากฏขึ้นในคลองจักษุของจูเก่อเยว่ ฉู่เฉียวนัยน์ตาแดงก่ำ พอเห็นเขา น้ำตาก็พรั่งพรูอย่างห้ามไม่อยู่
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้อง ก็แค่ว่ากล่าวไม่กี่คำ” หนุ่มน้อยขมวดคิ้ว “เจ้าทำผิดเอง หรือยังไม่ยอมให้ผู้อื่นตำหนิ?”
“ข้าทำผิดที่ไหน เป็นนายน้อยให้ข้าไปเรียนขี่ม้าชัดๆ ข้าก็เรียนของข้าดีๆ มิได้หาเรื่องใครสักหน่อย” เด็กหญิงแปดขวบบันดาลโทสะออกมา เถียงเจ้านายตัวเองเสียงแข็ง ตัดพ้อพลางสะอื้นไห้ น้ำมูกน้ำตาไหลย้อยเข้าปาก
จูเก่อเยว่ย่นคิ้วนิดหนึ่ง ล้วงผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อเช็ดน้ำตาบนแก้มให้เด็กหญิง มือไม้เก้งก้างอย่างยิ่ง พลางกล่าวว่า “ยังจะเถียงอีก เจ้าทำม้าของข้าหาย วันนี้ยังทำให้ม้าชั้นหนึ่งจากทะเลทรายตายไปอีกตัว ยังบอกว่าตัวเองไม่ผิด”
“ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ใช่ผู้อื่นอยากขี่ม้า อีกอย่างเยียนซื่อจื่อ เยียนซื่อจื่อก็เอาม้าที่หายไปกลับมาส่งแล้ว ข้าได้... ข้าได้ยิน” เด็กหญิงแย้งไม่เลิก น้ำตาก็หยดเป็นทาง ไม่ช้าผ้าเช็ดหน้าของจูเก่อเยว่ก็เปียกชุ่ม จูเก่อเยว่จะหยิบผืนใหม่มา พลันพบว่าเด็กหญิงจับมือเขา แล้วสั่งน้ำมูกบนผ้า
จูเก่อเยว่ถึงกับผงะ ปากอ้าตาค้างมองดูผ้าเช็ดหน้าที่เลอะเป็นหย่อมๆ เหนียวๆ ผืนนั้น ได้ยินเด็กหญิงพูดต่อ “แล้วม้าที่ตายวันนี้ ก็เป็นนายน้อยฆ่ามันเอง”
“ฮึ หาข้ออ้างเก่งนัก”
เด็กหญิงก้มหน้า พึมพำอย่างขัดใจ “ผู้อื่นพูดความจริงนี่นา”
แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ตกกระทบเหนือบ่าของทั้งสอง เด็กหญิงตัวเล็ก ต่อให้ยืนตรงก็แค่เสมอไหล่ของหนุ่มน้อย ดวงหน้าแดงสดใส ราวกับผลผิงกั่ว1สองใบ
“ให้เจ้า” จูเก่อเยว่ยัดขวดกระเบื้องใส่มือนาง “เอากลับไปทา”
นิสัยเด็กน้อยชัดๆ ความสนใจพลันหันเหทันที จูเก่อเยว่ยิ้มบางๆ มองเด็กหญิงชูขวดขึ้นมาถามด้วยความสงสัย “นี่คืออะไร”
“ยาสมานแผล”
เพราะม้าน้อยวิ่งเร็ว อุ้งมือของฉู่เฉียวถูกเสียดสีจนถลอก เด็กหญิงมุ่ยปาก พยักหน้าเมื่อกล่าว “นายน้อยสี่ เช่นนั้นซิงเอ๋อร์ขอตัวก่อน”
หนุ่มน้อยนั่งกลับไปบนเก้าอี้ ไม่แม้แต่เงยหน้า ทำท่าเหมือนไม่อยากเห็นนาง เพียงโบกมือกล่าวว่า “ไปเถอะ”
ขณะฉู่เฉียวจะเปิดประตูออกไป จูเก่อเยว่พลันร้องเรียก “ซิงเอ๋อร์ ถ้าพบเยียนซื่อจื่ออีก พยายามอยู่ห่างเขาให้มากที่สุด”
ฉู่เฉียวเอียงคอ มองเขาอย่างงุนงง จูเก่อเยว่ย่นคิ้วอย่างหงุดหงิด คำรามว่า “ฟังไม่เข้าใจ?”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” เด็กหญิงตะโกนรับคำ จากนั้นหมุนตัวออกไป เรือนร่างเล็กจ้อยก้าวข้ามธรณีประตูที่สูงหนา หวุดหวิดสะดุดล้ม
เด็กคนนี้นับวันยิ่งขวัญกล้า หนุ่มน้อยหน้าเครียดขึ้ง ลอบหายใจฮึดฮัด


1 แอปเปิ้ล
#จอมนางจารชนหน่วย11 《11处特工皇妃》
ลี หลินลี่...แปลไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น