(ฉากนี้เกิดขึ้นหลังจากพระเอกป๋อจิ้นเหยียนได้รับบาดเจ็บในการสืบคดี...)
เจี่ยนเหยาผลักประตูเข้าไป เห็นในห้องรับแขกเปิดไฟสว่างแต่เงียบเชียบไม่มีใคร เสียงคนคุยกันดังมาจากห้องนอนด้านนั้น
เธอถอดรองเท้าเดินเข้าไปถึงหน้าประตูห้องนอน ผู้ชายสองคนข้างในหันมามองเธอพร้อมกัน
ป๋อจิ้นเหยียนเปลี่ยนใส่ชุดนอนสีดำ นอนเหยียดตรงอยู่บนเตียง มีหมอนหนุนอยู่ใต้ศีรษะซ้อนกันหลายใบ ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาแต่ขาวซีด ลูกตาดำขลับจับจ้องมาทางเธอ
ฟู่จื่ออวี้ยืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าประดับรอยยิ้มจางๆ ถามว่า “งานหลังปิดคดีเรียบร้อยดีไหม”
เจี่ยนเหยาพยักหน้า “เรียบร้อยดี” เดินถึงข้างเตียง สายตามองไปที่ป๋อจิ้นเหยียน แต่พูดกับฟู่จื่ออวี้ว่า “เขาเป็นไงบ้าง”
“เล็กน้อย” ฟู่จื่ออวี้ตอบทื่อๆ “เย็บ20กว่าเข็มเอง”
เจี่ยนเหยาฟังจนย่นคิ้ว ป๋อจิ้นเหยียนก็ย่นคิ้วเหมือนกัน
“ขอบใจในความปากมาก นายไปได้แล้ว” เขาพูดชืดๆ “ปิดประตูให้ด้วย ไม่ต้องรบกวนพวกเรา ขอบใจ”
เจี่ยนเหยาถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง แล้วบอกฟู่จื่ออวี้ “อย่าไปฟังเขา กินข้าวด้วยกันก่อน”
ฟู่จื่ออวี้ที่ถูกถีบหัวส่งไม่มีอาการสะเทือนใจอะไร กลับยิ้มตอบว่า “ก็ต้องไปอยู่แล้ว ใครจะอยากอยู่เป็นกขค? ฉากจูบอันดูดดื่มฉันไม่สนใจสักนิด แต่...”
เขายิ้มมีเลศนัย “หลังบาดเจ็บนายยังเดินไปเดินมา เดิมทีก็หนักอยู่แล้วเลยยิ่งสาหัสเข้าไปใหญ่ ตอนนี้ขอให้นายเชื่อฟังคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด เจี่ยนเหยา คุณเฝ้าเขาให้ดี”
ป๋อจิ้นเหยียนตวัดสายตาเย็นชา แต่เจี่ยนเหยารับคำทันที “ได้ ไม่มีปัญหา”
หลังฟู่จื่ออวี้จากไปอย่างสบายใจ เจี่ยนเหยาก็ถามป๋อจิ้นเหยียน “หมอสั่งว่าไง”
ป๋อจิ้นเหยียนนิ่งไป ก่อนตอบชืดๆ “จะมีอะไร ให้งดกินปลาน่ะสิ”
เจี่ยนเหยาหัวเราะพรืด “งั้นคุณคงลำบากแย่”
เธอคิดเงียบๆ... ปลามีโปรตีนสูง หลังบาดเจ็บ บางคนบอกกินได้ บางคนบอกกินไม่ได้ ที่ฟู่จื่ออวี้พูดอาจมีเจตนาแกล้งป๋อจิ้นเหยียนก็เป็นได้
ป๋อจิ้นเหยียนเหมือนไม่อยากถกเรื่องนี้อีก จ้องหน้าเธอเขม็ง “มานั่งนี่”
เจี่ยนเหยาใจสั่นเล็กน้อย ส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้ ฉันจะไปอาบน้ำ สกปรกไปหมดทั้งตัว” เพิ่งไปคุ้ยขยะมา จะให้นั่งลงไปบนเตียงได้ยังไง
ป๋อจิ้นเหยียน “งั้นหอมทีนึง”
เจี่ยนเหยาเชิดมุมปาก “ก็ไม่ได้ คุณนอนเฉยๆ อย่ายุกยิก”
มองดูผู้หญิงของตัวเอง ก้าวฉับๆ เข้าห้องอาบน้ำที่อยู่ด้านข้าง...
วงคิ้วเรียวยาวของป๋อจิ้นเหยียนขมวดมุ่นอีกครั้ง
เดินเหินไม่สะดวก จะจูบจะหอมก็ไม่ได้ แถมยังต้องเชื่อฟังคำสั่งหมออีก
นอนนิ่งๆ บนเตียงหนึ่งอาทิตย์ ห้ามออกแรง... Shit!!
^^
ค่ำคืนที่เย็นสบาย
เจี่ยนเหยาอาบน้ำเสร็จ ร่างกายที่ตรากตรำมาหนึ่งวันหนึ่งคืนยิ่งเมื่อยล้า เธอเดินเข้าห้องของป๋อจิ้นเหยียน “งั้นฉันไปนอนก่อน มีอะไรก็เรียกแล้วกัน ราตรีสวัสดิ์”
ป๋อจิ้นเหยียนเหมือนกับต้นไม้ต้นหนึ่ง นอนเหยียดยาวแข็งทื่ออยู่บนเตียงดูรายการทีวี พอได้ยินก็หันมาถามว่า “คุณจะนอนที่ไหน”
เจี่ยนเหยาผงะเล็กน้อย แก้มแดงในพริบตา ตอบหน้าตาเฉยว่า “ก็ต้องห้องของฉันสิ”
ป๋อจิ้นเหยียนนิ่งไปอึดใจ หยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมากดตรงปุ่ม “หยุดชั่วคราว” แล้วหันมองเธอด้วยแววตาเป็นประกายลึกล้ำ “ถ้าผมจำไม่ผิด ก่อนเกิดคดีผมเคยกอดจูบลูบคลำร่างกายที่เปล่าเปลือยของคุณ...สามรอบ ส่วนตำแหน่งสำคัญแน่นอนว่าเกินจากจำนวนนี้ไม่รู้เท่าไร ขอผมคิดก่อน...” คิ้วเรียวยาวเลิกขึ้นนิดๆ “แปดรอบ"
เจี่ยนเหยาหน้าแดงเถือก “หยุด! คุณพูดอะไรของคุณ”
คนบ้า... ทำไมต้องจำตัวเลขพวกนี้ด้วย
ป๋อจิ้นเหยียนยิ้มบางๆ “จากความเข้าใจของผมที่มีต่อความรักและความต้องการทางเพศระหว่างชายหญิง จำนวนพวกนี้แสดงถึงว่าพวกเราได้สร้างความสัมพันธ์ทางกายภาพอย่างใกล้ชิดแล้ว ดังนั้นคุณก็ต้องนอนที่นี่กับผม”
เจี่ยนเหยา “...”
เรื่องที่ชวนให้อึดอัดที่สุดในโลก ไม่มีอะไรเกินไปกว่าป๋อจิ้นเหยียนอภิปรายและวิพากษ์เกี่ยวกับเรื่อง “เพศ” และ “ความใคร่” เพราะเขาเป็นคนประเภทเปิดจนหมดเปลือก แล้วตัวเองก็กลับไม่รู้ถึงจุดนี้ ยังคงพล่ามอย่างภาคภูมิใจเหมือนเดิม...
เจี่ยนเหยา “ฉันชอบนอนดิ้น เดี๋ยวจะชนถูกแผลคุณเข้า ช่วงนี้สุขภาพของคุณสำคัญที่สุด ดังนั้นแยกกันนอน”
เพิ่งสิ้นเสียง สี่ตาสบกันนิ่ง
ป๋อจิ้นเหยียน “เหตุผลข้างๆ คูๆ คราวก่อนผมนอนกอดคุณ คุณก็ดิ้นไม่ได้ ต้องซุกในอ้อมแขนผมตลอด”
เจี่ยนเหยาหน้าแดงหนักกว่าเดิม “นี่มันไม่เหมือนกัน ระวังไว้ก่อนก็ดี คุณไม่ต้องพูดแล้ว ตกลงตามนี้”
ป๋อจิ้นเหยียนนิ่งมองเธอเงียบๆ
เจี่ยนเหยา “...ถ้าไม่มีอะไรฉันไปล่ะ ราตรีสวัสดิ์” เพิ่งเดินได้สองก้าวก็ได้ยินเสียงเขาดังมา “คุณจะไม่ยอมจูบผมสักหน่อยหรือ?” เย่อหยิ่งถือดี แต่แฝงความไม่พอใจบางๆ
เจี่ยนเหยาอดยิ้มไม่ได้ หมุนตัวเดินกลับไป
ในแสงไฟนวลสลัว ผ้าปูเตียงสีดำ ชุดนอนสีดำ ขับเน้นให้วงหน้าของเขายิ่งสะอาดใส ลูกตาคู่นั้นยิ่งดำลึกเป็นประกาย
เธอค้อมเอวนิดๆ “คุณหลับตาสิ”
เขามองเธอแวบหนึ่งแล้วหลับตา
กลีบปากของเจี่ยนเหยากำลังจะประทับลงไป พลันเหลือบเห็นริมฝีปากที่เดิมทีกำลังเม้มนิดๆ เชิดสูงขึ้นอย่างเงียบงัน
พริบตานั้นหัวใจของเจี่ยนเหยาก็อ่อนไหวจนหมดท่า
ป๋อจิ้นเหยียน เห็นคุณมีความสุขแบบนี้ ฉันก็มีความสุขเช่นกัน
^^
หลังข้าวเย็น เจี่ยนเหยานั่งสูดอากาศที่ระเบียงกับเขา ถามอย่างเป็นห่วง “ตอนค่ำจะทำอะไร ดูทีวี? อ่านหนังสือ?”
ป๋อจิ้นเหยียนเหล่ตามองเธอ ยิ้มนิดๆ “คุณควรเช็ดตัวให้ผมได้แล้ว”
เจี่ยนเหยาผงะ ตามด้วยหน้าแดงเห่อขึ้นมา
ป๋อจิ้นเหยียนเสริมอีกคำ “ทั้งตัว”
เมื่อก่อนเธอเคยเห็นแค่ครึ่งบนของเขา ป๋อจิ้นเหยียนกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
หลายครั้ง ผู้ชายกับผู้หญิง ความเข้าใจต่อแนวความคิดเรื่องหนึ่ง กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เช่นคำว่า “ทั้งตัว” สาเหตุที่เจี่ยนเหยาหน้าแดงซ่าน เพราะคิดว่าเดี๋ยวต้องสัมผัสถูกร่างกายที่เปลือยเปล่าของป๋อจิ้นเหยียน แต่เธอไม่ได้คิดไปถึงส่วนนั้นของเขาแม้แต่นิดเดียว เพราะในความเข้าใจของเธอ การ“เช็ดตัว”โดยทั่วไป ก็คือไม่จำเป็นต้องเช็ดถึงตำแหน่งลับเฉพาะตรงนั้น
แต่สำหรับป๋อจิ้นเหยียนแล้ว....
โคตรสุดยอดเลย เธอจะช่วยเขาเช็ดทำความสะอาดทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะตรงนั้น
เจี่ยนเหยาหน้าแดงเสร็จก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร คิดถึงว่าช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าว จึงเสนอว่า “เอางี้ ฉันจะยกเก้าอี้ไปวางในห้องอาบน้ำให้คุณนั่ง ฉันจะช่วยรดฝักบัวให้คุณ พยายามไม่ให้โดนแผล ดีไหม”
ป๋อจิ้นเหยียนยิ้มละไม แววตาทอประกายแจ่มจ้า
“ทำไมจะไม่ดีล่ะ” เส้นเสียงพร่าทุ้มผิดปกติ
น้ำเสียงที่แปลกไปจากเดิมนี้ ทำให้เจี่ยนเหยาระแวงเล็กๆ แต่คิดถึงว่าเขาชอบแตะเนื้อต้องตัวเธอเป็นประจำอยู่แล้ว ความขวยเขินจึงเหือดหายไป
ใต้แสงไฟนวลตาในห้องอาบน้ำ เก้าอี้ทรงสูงตัวหนึ่งถูกวางไว้กลางห้อง
เจี่ยนเหยาพยุงป๋อจิ้นเหยียนนั่งลง
มือที่ยื่นไปปลดกระดุมให้เขาเป็นครั้งแรก ออกอาการสั่นเล็กน้อย หนึ่งเม็ด สองเม็ด สามเม็ด... แผงอกผอมเพรียวปรากฏให้เห็นเต็มตา ส่วนเขามองดูเธอด้วยแววตาพราวระยับตลอดเวลา…..
ถอดเสื้อเสร็จเรียบร้อย ไม่รู้เจี่ยนเหยารู้สึกไปเองหรือเปล่า ในอากาศคล้ายมีกลิ่นอายรุ่มร้อนเบาบางของบุรุษเพศเจือจางอยู่
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นป๋อจิ้นเหยียนกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“คุณยิ้มอะไร” เธอถามเสียงดุ
“ผมกำลังมีความสุข”
แล้วไปเถอะ... เจี่ยนเหยาคิด เวลาสัมผัสถูกร่างกาย อย่าคุยกันจะดีที่สุด
ให้เขาเสพสุขคนเดียวเงียบๆ ก็พอแล้ว ยิ่งคุยกันเธอก็ยิ่งอายแทบมุดแผ่นดิน
แต่... ความปรารถนาของป๋อจิ้นเหยียนไม่ใช่เรื่องที่เธอจะควบคุมได้ หลังจากที่เธอถอดกางเกงขายาวให้เขาเรียบร้อย เหลือบไปเห็นท่อนขาเรียวยาวแน่นกระชับคู่นั้น ใบหน้าจึงแดงเข้ม เมื่อหยิบฝักบัวลงมา เขากลับเงยหน้าบอกเธอว่า “ทำไมไม่ถอดให้หมด”
น้ำเสียงเหมือนกำลังพูดเรื่องทั่วไป แต่แววตาวาววับ
เจี่ยนเหยายืนตะลึงไปหนึ่งวิ
เธอหมุนเปิดฝักบัว น้ำร้อนไหลรดที่พื้นข้างเท้าเธอ ไอน้ำเบาบางลอยขึ้นมา
“ไม่ต้องถอดหมดก็ได้” เธอบอกเบาๆ
“ต้องถอดหมดสิ” เขาจ้องเธอ น้ำเสียงเรียบๆ “ผมต้องล้างทุกวัน”
ผิวหน้าของเจี่ยนเหยาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับไฟลน เหมือนจะไปถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เดี๋ยวผมสอนให้ว่าล้างยังไง” เขายังเจื้อยแจ้วต่อไป
ใบหน้าแดงก่ำของเจี่ยนเหยาแทบจะหยดเป็นเลือดอยู่รอมร่อ
“ไม่ต้องให้คุณสอน!” เธอคว้าแขนเขาขึ้นมาข้างหนึ่ง ก้มหน้าก้มตารดน้ำ ไม่ไปสนใจสายตาของเขา “ฉันจะอาบยังไงก็เรื่องของฉัน ไม่งั้นคุณก็เอาฝักบัวไปถือเอง!”
ป๋อจิ้นเหยียนเงียบไปหลายวิ
“โอเค” เสียงทุ้มต่ำแฝงความไม่พอใจเล็กๆ
ถึงตอนนี้เจี่ยนเหยาค่อยเม้มปาก หยิบสบู่ที่วางอยู่ข้างๆ ถูไปตามแขนของเขา แต่แล้วเขาก็เปิดปากพูดอีก “แล้วคุณกะจะอาบยังไง? ผมไม่ชอบน้ำร้อนเกินไป”
เจี่ยนเหยา “หุบปาก!”
ในที่สุดก็ทำความสะอาดทั้งแผ่นหลังและแขนขาจนเสร็จ เจี่ยนเหยาวางฝักบัวใส่มือเขา “ฉันจะออกไปแล้ว คุณอาบต่อเองแล้วกัน”
ป๋อจิ้นเหยียนมองเธอแน่วนิ่ง “ได้ แต่คุณต้องช่วยผมถอดกางเกงใน” อมยิ้มกริ่ม “ผมก้มเอวไม่ได้”
นี่เป็นเหตุผลที่หนักแน่นจริงๆ
เจี่ยนเหยารู้สึกสมองตัวเองถูกไอน้ำทั่วห้อง รมจนกรุ่นร้อนไปหมด
แสงไฟยังคงส่องสว่าง สายน้ำยังคงรินใส
ป๋อจิ้นเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ รูปร่างสูงเพรียว ราวกับประติมากรรมอันวิจิตรงดงาม ใบหน้าหล่อเหลาแตะแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ ลูกตาดำขลับจับจ้องมาที่หญิงสาวตรงหน้าอย่างลุ่มลึก
เจี่ยนเหยาขัดเขินแทบแย่ แต่จะให้ทำเป็นไม่เห็นก็เป็นไปไม่ได้ ทุกสัมผัสที่ปลายนิ้ว ทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
ในที่สุดก็ถอดออกมาสำเร็จ เจี่ยนเหยายัดฝักบัวใส่มือเขาอีกครั้ง “ล้างเสร็จแล้วค่อยเรียกฉัน” แล้วหมุนตัวออกไป ยังไม่ทันพ้นประตูก็ได้ยินเสียงไม่เร่งไม่ร้อนของเขาดังขึ้น “เจี่ยนเหยา”
“มีอะไร” เจี่ยนเหยาหันมองไปอีกทาง ปรายตาให้เขา
“ต่อให้คุณแกล้งทำเป็นไม่เห็น ยังไงก็หนีความจริงไม่พ้น” เส้นเสียงของเขาเหมือนพร่าต่ำเล็กน้อย “มันโป๊กขนาดนี้ก็เพราะคุณ”
^^
เจี่ยนเหยาเดินกลับเข้าห้องรับแขก อดยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมใบหน้าที่ร้อนลวกไม่ได้
คืนก่อนนั้นแม้พวกเขาเกือบจะเลยเถิดไปถึงขั้นสุดท้าย แต่อย่างน้อยก็ยังอยู่ในความมืด วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นส่วนนั้นของผู้ชาย
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ ตอนนี้เธอได้พิสูจน์อย่างชัดแจ้งแล้ว
เธอรู้สึกว่าคืนต่อๆ ไปที่กำลังจะมาถึง... น่าหวาดเสียวเหลือเกิน
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดด้วยความเอียงอายระคนหวานปะแล่ม พลันได้ยินสุ้มเสียงชืดๆ ของป๋อจิ้นเหยียนดังมา “เสร็จแล้ว”
“อ้อ” เจี่ยนเหยาเดินเอื่อยเฉื่อยไปที่ห้องอาบน้ำอีกครั้ง
เยี่ยมจริงๆ ต้องเห็นอีกแล้ว !!
^^
ช่วงพักรักษาตัวซึ่งเดิมก็ไม่มีอะไรทำ หนำซ้ำยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำไม่ได้ จึงกลายเป็นความเบื่อหน่ายที่ยาวนานกว่าปกติ
หลายครั้งอารมณ์ร้อนของป๋อจิ้นเหยียนจึงปรากฏออกมาอย่างเห็นได้ชัด นอกจากเจี่ยนเหยาแล้ว ไม่ว่าจะมองอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด
คืนที่ห้าของการพักรักษาตัว เจี่ยนเหยานั่งดูซีรีย์อเมริกาในโน๊ตบุค ป๋อจิ้นเหยียนก็นั่งกระแซะอยู่ข้างๆ ตอนนี้อาการของเขาดีขึ้นมาก สามารถเอื้อมมือมาโอบเอวเธอได้แล้ว
เพียงแต่หลังจากที่เขาวิจารณ์หน้าตาเฉย ว่านักแสดงหาความหล่อไม่ได้และแดกดันเนื้อเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ความอดทนของเจี่ยนเหยาก็หมดลง หันไปถลึงตาใส่เขา “ทำไมต้องพาลคนอื่นแบบนี้”
เขาตอบชืดๆ “ผมเบื่อการพักรักษาตัว”
“ครั้งก่อนคุณเจ็บหนักกว่านี้ พักรักษาตัวตั้งปีนึง ยังทนได้เลย”
ป๋อจิ้นเหยียนปรายตาให้เธอ “ไม่เหมือนกัน”
“เพราะอะไร”
“ตอนนั้นไม่มีคุณคอยปลุกเร้าความต้องการของผม”
“.....”
พอฟ้ามืด อารมณ์ของเขาจะดีขึ้นมาทันตาเห็น “ถึงเวลาอาบน้ำแล้ว”
วันเวลาย่างเข้าสู่ปลายเดือนเก้า อากาศเย็นลงพอสมควร เจี่ยนเหยามองม่านราตรีที่มืดสลัวทางนอกหน้าต่าง “วันนี้อุณหภูมิลดลงแล้ว อากาศเย็น คุณจะอาบหรือ?”
ป๋อจิ้นเหยียนจ้องหน้าเธอ “คุณจะขโมยความสุขที่หนึ่งวันมีแค่ครั้งเดียวของผมหรือ?”
เจี่ยนเหยานิ่งไปสองสามวิ ก่อนยิ้มน้อยๆ “ได้ อาบก็อาบ”
พอถึงห้องน้ำ ป๋อจิ้นเหยียนรีบนั่งบนเก้าอี้รอรับการปรนนิบัติจากเธอ ที่ไหนได้เธอกลับโยนฝักบัวใส่อ้อมแขนเขา “อาบเสร็จแล้วก็รีบเข้านอน ราตรีสวัสดิ์”
ป๋อจิ้นเหยียนช้อนดวงตากลมใสมองเธอ เธอกลับเดินออกไปเฉยๆ แล้วทิ้งท้ายลอยลมมาว่า “วันนี้ฉันเห็นคุณเอื้อมมือขึ้นไปหยิบกล่องเอกสารบนชั้นหนังสือได้แล้ว”
ความนัยของคำพูดก็คือ... คุณป๋อจิ้นเหยียน คุณทำอะไรเองได้แล้ว
เจี่ยนเหยาเดินกลับเข้าห้อง ได้ยินเสียงน้ำไหลซ่าๆ จากห้องน้ำ อดขำไม่ได้
แต่เจี่ยนเหยาลืมไปอย่างหนึ่ง ป๋อจิ้นเหยียนที่ถูกขโมยความรื่นรมย์หนึ่งเดียวของเขาไป มีหรือจะไม่แสดงอภินิหารอะไรออกมา?
ขณะที่เธอกำลังหลับฝันหวานอยู่ใต้ผ้าห่ม จู่ๆ รู้สึกเหมือนมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยรุกคืบเข้ามา จากนั้นร่างก็ลอยวูบ เธอตกใจสะดุ้งโหยง พอลืมตาก็พบว่าตัวเองถูกป๋อจิ้นเหยียนอุ้มขึ้นมาจากเตียง
“ทำอะไร” ดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้
เขาใช้อากัปกิริยาตอบคำถาม ด้วยการอุ้มเธอมาวางบนเตียงใหญ่ในห้องตัวเอง จากนั้นก็ล้มตัวนอนข้างเธอดื้อๆ
ถึงตอนนี้เจี่ยนเหยาเพิ่งรู้ซึ้งถึงความจริงข้อหนึ่ง... เขาอุ้มเธอได้แล้ว
แม้ว่าป๋อจิ้นเหยียนแค่ใช้นิ้วมือม้วนผมเธอเล่น แต่เจี่ยนเหยากลับรู้สึกบรรยากาศในห้องดูคลุมเครือชอบกล แล้วแก้มก็แดงซ่านขึ้นมาอีกครั้ง
สำคัญก็คือเขายังเปิดไฟทิ้งไว้ สว่างพอที่จะมองเห็นซึ่งกันและกันอย่างแจ่มชัด
“กอดผมหน่อยสิ” เขาเอ่ยขึ้นเรียบๆ
เจี่ยนเหยาพลิกตัวซุกเข้าไปในอ้อมแขนเขา แล้ววางมือบนหน้าอกเขาเบาๆ พูดตามตรง เธอชอบการโอบกอดแบบนี้มากกว่า ไม่แอบแฝงความปรารถนาทางเพศ แค่ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แต่วันนี้เหมือนจะตื่นกลัวนิดๆ
แต่ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ ป๋อจิ้นเหยียนกลับนอนนิ่งอยู่ในลักษณะนั้น นัยน์ตาเรียวยาวพริ้มหลับเบาๆ ท่าทางสุขสงบ
เขากลับยอมนอนกอดเธอเฉยๆ
ทว่าเมื่อเธอหลับสนิทแล้ว แม้จะมีความสุขไปคนละแบบ แต่ป๋อจิ้นเหยียนที่จิตใจร้อนเร่าไม่คลาย กลับลืมตามองเธออีกครั้ง
เอ๊ะ... เมื่อกี้เหมือนเธอรอให้เขาทำอะไรสักอย่าง
แต่แผลเขายังไม่หายสนิท...
ครั้งแรกของเขา จะเกิดขึ้นในขณะที่ร่างกายไม่ฟิตได้ยังไง?
********** ลี หลินลี่...ผู้แปล จากนิยายเรื่อง 他来了请闭眼 ของผู้แต่ง丁墨 (ติงโม่) **********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น