เชียนซานมู่เสว่ (ตอนพิเศษ1) ชีวิตรักแสนหวานของฉันกับอสูรร้าย
1.
ฉันทำมือถือหายไปในวันที่ฝึกงานครบ9วันพอดี ผลจากการไม่ได้รับโทรศัพท์เจ้านาย จึงถูกเรียกไปด่า “ฉันรับนักศึกษาฝึกงานมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่ไม่เคยเจอที่ซื่อบื้ออย่างเธอมาก่อนเลย วันนี้ทำมือถือหาย
สงสัยพรุ่งนี้คงทำเอกสารของบริษัทหายอีก “
บลาๆๆๆๆ ....อยู่ค่อนชั่วโมงได้
หลังกลับถึงโต๊ะ
เสี่ยวเจาเพื่อนร่วมงานแสดงความเห็นใจ
ฉันรู้สึกเหมือนกันว่าเจ้านายโวยวาย เกินกว่าเหตุ แต่จะทำยังไงได้ ในบรรดานักศึกษาฝึกงานที่เข้ามาพร้อมกัน
ฉันเป็นลูกชังที่สุด
เลขาฯของเจ้านายโทรมาตามอีกหลังจากฉันนั่งได้ไม่นาน บอกให้ฉันไปหาเจ้านายที่ห้อง
ท่าทางเขายังด่าไม่หนำใจ
ดังนั้นระหว่างเดินเข้าประตูห้องฉันคิดไว้ว่า ถ้าเขายังด่าอีกฉันคงขอบาย ไม่ฝึกแล้ว
แต่เขาไม่เพียงไม่ด่า
ซ้ำยังยื่นมือถือใหม่ส่งให้ฉัน
หน้าอันบึ้งตึง
กำชับฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน “
ถ้ายังทำหายอีก ฉันจะไล่เธอออก” เอ๊ะ ทำมือถือหายกับไล่ออกเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย... เรื่องเล็กน้อยทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
2. และแล้วก็เจอมือถือจนได้
ไม่รู้หล่นอยู่ในซอกโซฟาตั้งแต่เมื่อไร
ฉันหยิบมือถือวิ่งหน้าระรื่นไปที่ห้องอาบน้ำ
ผลคือถูกด่าซ้ำ
“วันๆทำนั่นหายทำนี่หาย ยังมาระรื่นอีก”
คนด่าที่นอนแช่น้ำอยู่ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง
ฉันควันออกหูทันที โพล่งไปว่า
“คืนนี้คุณไปนอนห้องหนังสือเลยนะ”
“ไม่” เขาขึ้นเสียงไม่พอใจ
ฉันแอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ได้ยินเสียงเอื่อยๆเสริมมาว่า
“ฉันจะนอนห้องรับแขก”
3. โม่เส้าเชียนคนชั่ว ชั่วช้าที่สุด
เมื่อคืนเขาบอกนอนห้องรับแขก
แต่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าให้ฉันนอนด้วย
เขาย้อนว่า “ ไม่ต้องบอกเธอก็น่าจะรู้เอง ตอนแต่งงานกันเธอรับปากฉันว่าไง ฉันอยู่ที่ไหน เธอก็จะอยู่ที่นั่น”
ฉันเคยรับปากอะไรไว้ ทำไมฉันจำไม่ได้สักนิด
ฉันมั่นใจว่าเมียเขาไม่ใช่คนสวยแน่นอน เสี่ยวเจาจ้องหน้าฉันเขม็ง “
แต่ยังไงก็ไม่ใช่ตือโป๊ยก่าย(หมูอ้วน)อย่างเธอแน่นอน”
ตั้งแต่กลับประเทศมา
ฉันกลายเป็นคนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า
เยว่อิ๋งแดกดันว่า ฉันไม่เหมือนคนที่กลับมาจากอเมริกาเลย เหมือนกลับจากแอฟริกามากกว่า ส่วนเสี่ยวเจาที่กินข้าวด้วยกันทุกวัน ก็หาว่าฉันเป็นตือโป๊ยก่าย
เสี่ยวเจาสงสัยต่อ
“เธอว่าเมียเจ้านายเขาจะเรียกสามีตัวเองว่ายังไง เรียกว่า เส้าเชียน หรือเชียนเชียน ฟังดูหวานแหววสนิทสนมดีเนอะ”
หวานแหววบ้าบออะไรกัน
ปกติน่ะฉันเรียกเขาว่า “อสูรร้าย”
5. เจ้านายออกไปคุยธุรกิจที่อื่น ซ้ำยังพาหัวหน้าฝ่ายต่างๆไปด้วย เด็กๆในออฟฟิศยังกับปลากระดี่ได้น้ำ ฉันกับเสี่ยวเจาเล่นเกมปลูกผักกันอย่างสบายอารมณ์ เสียงมือถือเจ้ากรรมก็ดังขึ้น
“แอบเก็บผักอีกแล้วนะ”
“เปล่านะ”
“โกหก ฉันเห็นชื่อเธอขึ้นออนไลน์อยู่”
ฉันสะดุ้งเฮือก รีบออฟไลน์ทันที
และไม่ลืมเรียกเสี่ยวเจาให้หยุดเล่น
เสี่ยวเจาสงสัยว่า ใครกันที่รู้ว่าเราแอบเล่นเกม ฉันเฉไฉไปว่า แฟนฉันเอง
เสี่ยวเจาว่า “จะกลัวทำไม
เธอแอบเล่นเกมในที่ทำงาน แฟนเธอมายุ่งอะไรด้วย” อืม จริงอย่างที่หล่อนพูด ว่าแล้วฉันก็ปลูกผักของฉันต่อไป
6. เสี่ยวเจาถามฉันอย่างสงสัยว่า เพิ่งเรียนจบทำไมถึงรีบแต่งงาน แฟนฉันเป็นคนดีมากจนต้องรีบจับไว้หรือไง ฉันเลยต้องร่ายยาวให้ฟัง
เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย
อะไรนิดอะไรหน่อยก็หน้าบึ้ง
เห็นฉันเป็นเด็กสามขวบ ไม่ให้เกียรติฉัน
ใจแคบเป็นที่สุด แค่ฉันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนชายสมัยเรียนเขาก็ไม่พอใจ
และคอยก่อกวนจนฉันต้องวางสาย
ไม่เคยเดินชอปปิ้งด้วย ทุกครั้งที่เอาบิลค่าใช้จ่ายไปให้เซ็นต์ชื่อ ก็บ่นว่าฉันใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
แล้วก็ไม่ยอมให้ฉันต่อโทที่เมืองนอก หาว่าฉันโง่ เวลาอยู่บ้านต้องให้เขาเป็นใหญ่ที่สุด
เวลาอยู่นอกบ้านก็ห้ามบอกคนอื่นว่าฉันเป็นเมียเขา
เสี่ยวเจาตกใจคิดไม่ถึง “เธอไปตกหลุมรักคนแบบนี้ได้ยังไงกัน
” ฉันคิดอยู่นานก่อนจะตอบไปว่า เขาหาเงินเก่ง
7. เสี่ยวเจาคนปากมาก ไม่นานทั้งบริษัทก็รู้ว่าสามีของฉันเป็นผู้ชายแบบไหน และแล้วเรื่องก็เข้าหูใครบางคน
ที่ร้ายก็คือเช้าวันถัดมาฉันแทบลุกไม่ขึ้น
จึงมาทำงานสาย รางวัลพนักงานดีเด่นหมดกันคราวนี้
เสี่ยวเจาเจอฉันยังมีหน้าปลอบใจว่าไม่เป็นไร เพราะวันนี้เจ้านายก็มาสายเหมือนกัน แน่ล่ะ ก็เขาไม่ต้องตอกบัตรนี่
8. ฉันดีใจสุดๆตอนได้รับเงินเดือนเดือนแรก นัดเสี่ยวเจาไปเดินซื้อของด้วยกัน เดินอยู่เป็นนานสองนานได้เนคไทมาเส้นเดียว
แถมแพงหูฉี่เท่ากับเงินเดือนของฉันทั้งเดือนอีกต่างหาก
วันต่อมาเสี่ยวเจาเปรยให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า
เจ้านายคนนี้เป็นผู้ชายที่รสนิยมดีที่สุดที่หล่อนเคยเจอมา จากนั้นก็หันมาชมฉันว่ามีสายตาแหลมคม
ซื้อเนคไทให้สามีเหมือนกับเส้นที่เจ้านายผูกมายังกับแกะ
เสี่ยวเจาเล่าต่อว่า วันนี้เจ้านายอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หน้าตาอิ่มเอิบ
ออกจากลิฟท์มายังยิ้มไม่หุบ ซึ่งปกติเขาเป็นคนยิ้มยาก เห็นอย่างนี้ทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆกัน
ส่วนฉัน ยิ้มไม่ออกจริงๆ
เงินเดือนทั้งเดือนแลกกับรอยยิ้มของเจ้านายที่เคารพรัก
ช่างเป็นรอยยิ้มที่แพงอะไรเช่นนี้
9. วันนี้หลังเลิกงาน ฉันและเพื่อนๆในแผนกนัดกันไปร้องคาราโอเกะ ตกลงกันว่าให้พาแฟนไปได้ มีฉันคนเดียวที่ไม่ได้พาไป เสี่ยวเจาหันมาถามฉันว่าทะเลาะกับแฟนรึเปล่า ฉันตอบไปว่าเขาทำโอที ร้องได้สักพักโทรศัพท์ฉันก็ดัง ปลายสายว่า “จะให้ฉันไปรับ
หรือให้คนรถไปรับ”
ฉันตอบกลับไปอย่างสมน้ำหน้า “ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับ เพราะอะไรคุณไปคิดเอาเอง”
ขากลับฉันนั่งแท็กซี่คันเดียวกับเสี่ยวเจา ระหว่างทางหล่อนตื่นเต้นดีอกดีใจชี้ให้ฉันดูกระจกมองหลัง
“ดูสิ นั่นรถเจ้านายเรานี่”
เสี่ยวเจาว่าคืนนี้เป็นคืนที่หล่อนมีความสุขจริงๆ
เพราะรถของเจ้านายตามรถแท็กซี่ที่เรานั่งมาตลอดทาง
10. เมื่อรู้ว่าพี่ซุนตั้งท้อง
ทุกคนจึงเทคแคร์เป็นพิเศษ
ฉันจ๊ะเอ๋กับเจ้านายตรงเครื่องถ่ายเอกสาร
เขาถือเอกสารมาถ่ายด้วยตัวเอง
ฉันออดอ้อนออเซาะให้เขาฟังว่าคนท้องทำอะไรก็ไม่สะดวกสักอย่าง พูดจนเมื่อยปากเขาก็ยังเฉย สุดท้ายหยิบเอกสารในมือฉันไปถ่ายให้จนเสร็จ
ถึงตอบกลับมาว่า “ต่อให้เธอพูดจนเพดานถล่มลงมา ช้าสุดปีหน้า เธอต้องมีลูกให้ฉัน”
โว๊ย
บ้ากันไปใหญ่แล้ว เห็นคนอื่นมีลูกก็อยากจะมีบ้าง
11. ถึงวันเกิดฉัน เพื่อนร่วมงานหุ้นกันซื้อเค๊กให้ แล้วยังซื้อตุ๊กตาหมีตัวโตให้อีกหนึ่งตัว เย็นนั้นฉันอุ้มตุ๊กตาหมีกลับบ้านด้วยความสุขใจ มีคนนึงที่บ้านไม่ยอมให้ของขวัญ เป็นคนใจแคบที่คิดแต่จะล้างแค้น เพราะตอนวันเกิดเขา ฉันซื้อถุงอย่างว่าให้เขาไปหนึ่งโหล
( คำว่า “ถุงอย่างว่า” คิดว่าผู้แต่งน่าจะหมายถึงถุงยางอนามัย)
12. แต่ในที่สุดคนที่บ้านคนนั้นก็ให้ของขวัญจนได้ ฉันเปิดดู แล้วก็ต้องร้องไห้ราวกับเสียสติ ของขวัญที่เขาให้ฉันเป็นวีดีโอจากกล้องวงจรปิดของสนามบิน ฉันที่อยู่ในวีดีโอกำลังก้มหน้าดูมือถือ
น้ำตาหลั่งลงมาอย่างน่าเวทนา ส่วนเขายืนอยู่ตรงทางเดินหลังผนังกระจกนั้น ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่า ตอนนั้น
เขาก็ร้องไห้อยู่เช่นกัน...
ภาคพิเศษ2 รอก่อนนะคะ แล้วจะรีบหาเวลาแปลให้ค่ะ...Lee Linli
ตอบลบขอบคุณมาก จะตั้งใจรอต่อ
ตอบลบขอบคุงจ้า อยากอ่านจนจะลงแดงแล้ว
ตอบลบชอบมากกคะ ขอบคุณคะ
ตอบลบ