วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Qian shan mu xue (ตอนพิเศษ2)

"เชียน ซาน มู่ เสว่"  ชีวิตรักแสนหวานของฉันกับอสูรร้าย


1.มีอยู่วันฉันเล่าด้วยน้ำเสียงอิจฉาเป็นที่สุดให้คนบางคนฟังว่า  มีเด็กสาวคนหนึ่งพอถึงวันเกิด แฟนหนุ่มได้สั่งซื้อทุกอย่างในรายการของที่อยากได้ที่เด็กสาวคนนั้นเลือกเก็บไว้ในเว็บถาวเป่า(เว็บซื้อของชื่อดังของจีน) และส่งให้เธอเป็นของขวัญ ฉันจงใจเล่าให้เขาฟังเพราะฉันเองก็มีรายการของที่อยากได้ในเว็บถาวป่าวเยอะแยะเหมือนกัน

หลังจากนั้นฉันก็ตั้งหน้าตั้งตารอของขวัญวันเกิดที่จะมาถึง แต่ที่ไหนได้ เช้าจรดค่ำรอแล้วรอเล่าไม่มีพัสดุส่งมาแม้แต่ชิ้นเดียว ตัดสินใจเข้าเว็บถาวป่าวดูแล้วก็ต้องโมโหสุดขีด เพราะสิ่งที่ฉันเลือกเก็บไว้ถูกลบออกจนเกลี้ยง ที่มุมของจอคอมฯมีโพสท์อิทแปะอยู่ เขียนว่า “  ชีวิตยืนยาว ให้ห่างถาวเป่า ตัวหนังสือตวัดหางยาวเหมือนกับที่เขาเซ็นต์ในเอกสาร  ฉันอุตส่าห์เก็บบันทึกของที่อยากได้ไว้ด้วยความลำบากนานถึง3เดือนเชียวนะ....แล้วเราจะได้เห็นดีกัน นายโม่เส้าเชียน


2.เสี่ยวเจารู้เข้าปลอบใจว่า บางครั้งผู้ชายก็ทำตัวเหมือนเด็กๆ จะงอนไปทำไมเรื่องแค่นี้เอง อย่างน้อยเขาก็ยังมีของขวัญอย่างอื่นให้ ถึงจะเชยไปหน่อย แต่หุ้นของอาลีบาบาคอร์ปอเรชั่นใช่ย่อยเสียที่ไหน (อาลีบาบาคอร์ปอเรชั่นเป็นเจ้าของเว็บไซท์ถาวเป่า เป็นบริษัทด้านเว็บไซท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน) ได้เป็นถึงผู้ถือหุ้นแล้วจะไปสนใจของที่เลือกไว้ทำไมอีก ฟังเสี่ยวเจาพูดแบบนี้ฉันถึงกับอึ้งเถียงไม่ออกจนด้วยเหตุผล

เป็นเพราะช่วงนึงฉันนึกอยากเล่นหุ้นขึ้นมา ใครบางคนห้ามยังไงก็ไม่ฟัง จึงแนะนำโบรกเกอร์ของตัวเองให้ฉัน และภายใต้การแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านหุ้น สุดท้ายฉันขาดทุนป่นปี้  ใครบางคนก็เลยช่วยซื้อหุ้นของฉันไว้แล้วขายออกไป เงินที่ขายได้นำไปซื้อหุ้นของอาลีบาบาคอร์ปอเรชั่น  ฉันจึงแปลงร่างจากผู้เล่นหุ้นเป็นผู้ถือหุ้นด้วยประการฉะนี้ แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นของขวัญวันเกิดได้ยังไง สมน้ำหน้าฉันล่ะไม่ว่า


3.หุ้นของอาลีบาบาคอร์ปอเรชั่นถูกฉันขายเป็นเงินกลับมา บวกกับเงินส่วนตัวที่สะสมไว้ ฉันนำไปซื้อหุ้นของเถิงซวิ่นกรุ๊ปแทน โบรกเกอร์ถามฉันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ฉันเหลือบหางตามอง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ว่าแล้วก็บอกเหตุผลให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงเบิกบานใจ เพราะหม่าฮว่าเถิง(เจ้าของเถิงซวิ่นกรุ๊ป) หล่อกว่าหม่าอวิ๋น(ซีอีโอของอาลีบาบาคอร์ปอเรชั่น) วันดีคืนดีฉันได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเถิงซวิ่นกรุ๊ปก็แจ่มเลย มีประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อไร ทีนี้ก็จะเห็นพี่หม่าตัวเป็นๆสักที 

เดือนตุลา โม่เส้าเชียนโอนหุ้นล็อตใหญ่ให้เป็นชื่อฉัน ตอนแรกก็ดีใจหรอกนะ ใครล่ะไม่ชอบเงิน แต่พอถึงเดือนธันวาเท่านั้นแหละ ความดีใจก็พลันสูญสลาย เพราะฉันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงจำเป็นต้องไปร่วมประชุมกรรมการผู้ถือหุ้นที่ฮ่องกง ไอ้การประชุมแบบนี้บอกตรงๆว่าน่าเบื่อที่สุด อยู่ในบ้านกับโม่เส้าเชียนก็ยังพอทน  แต่นี่ต้องนั่งจ้องหน้าเขาอยู่ในห้องประชุมนานถึง8ชั่วโมง ฉันล่ะอยากจะร้องไห้ ถึงวันที่3ฉันไม่ขอทนอีกแล้ว ยังไงก็ไม่ขอเข้าประชุมเด็ดขาดเป็นไงเป็นกัน ใครบางคนเหลือบตาค้อนก่อนพูดว่า ฉันหล่อกว่าพี่หม่านั่นตั้งเยอะ ทำไมเธอถึงไม่อยากไปประชุม


4.เยว่อิ๋งเกลียดการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นเหมือนกัน แต่นั่นเป็นเพราะหล่อนมีสามีที่เก่งเกินคน ตอนนี้หล่อนมีคำพูดติดปากคำใหม่ว่า แย่ที่สุดคืออะไร ก็คือแต่งกับคนฉลาด จนตัวเองกลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ สามีของเยว่อิ๋งใครๆก็ว่าเขาเป็นเด็กเทพ อายุไม่เท่าไรแต่ได้เป็นถึงผู้บริหารระดับสูง กิจการงานในบริษัทก็จัดการได้อย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งเรื่องในบ้านด้วย

 เยว่อิ๋งว่า บุคคลประแภทนี้น่ากลัวจริงๆ วันไหนที่ฉันหาชุดตัวเองไม่เจอวิ่งไปถามเขา รับรองว่าเขารู้แน่นอน เพราะเสื้อผ้าทุกตัวที่ซื้อมา เขาจะสั่งให้ผู้ช่วยบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ ทุกวันตอนเช้าถ้าฉันถามเขาว่าใส่ชุดไหนดี เขาจะรีบหยิบไอแพดขึ้นมา เปิดไฟล์อะไรสักอย่างยื่นให้ฉัน ไม่เพียงมีรูปเสื้อผ้าปรากฎออกมา ยังมีรูปรองเท้ากระเป๋าที่เข้าชุดกัน แถมบอกด้วยว่าวางอยู่ในตู้ใบไหน....เยว่อิ๋งหงุดหงิดเสียงขึ้นจมูก เขาจัดการฉันยังกับงานที่บริษัท 

ฉันตบบ่าหล่อนแสดงสปิริต เราหนีกันเถอะ  เยว่อิ๋งตอบด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม ดี  หนีเลย แกล้งสองคนนั้นเล่น


5.แผนการหนีของฉันกับเยว่อิ๋งดำรงอยู่ได้แค่ชั่วโมงเดียวก็ถูกพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักทำให้ล้มเลิกไป พวกเราติดอยู่ในรถไฟใต้ดินเส้นที่ได้แต่ยืนตาปริบๆมองสายฝนที่ไหลเป็นน้ำตก สุดท้ายกัดฟันฝ่าขึ้นไป สองคนเปียกมะล่อกมะแล่กรีบวิ่งไปหลบต่อที่ร้านแม็คโดนัล  

ได้ยินเสียงมือถือเยว่อิ๋งดังขึ้น หล่อนรับสายด้วยน้ำหูน้ำตาไหลพราก อ่อนแอจริงๆ  เชอะ มีหน้าจะหนีไปกับฉัน แค่สามีโทรมาก็แหกปากร้องให้มาช่วยแล้ว ไม่ถึงสิบนาทีรถโฟร์วีลก็แหวกลมมารับเสด็จ เยว่อิ๋งดึงให้ขึ้นรถไปด้วยกัน แต่ฉันงอนไม่ยอมขึ้น  โม่เส้าเชียนไม่มีแม้แต่โทรศัพท์สักครั้ง ฝนตกหนักขนาดนี้ เขาไม่กลัวฉันหนีไปกับคนอื่นรึไง

แต่สุดท้ายเขาก็โทรมาจนได้ ฉันพูดไปว่า ถ้ายังไม่มารับจะหนีไปกับคนอื่นแล้วนะ อยากหนีก็หนีไปสิ เขาส่งเสียงมาเท่านี้ก็วางหูไป ฉันโมโหจนน้ำตาแทบไหล ปลอบใจตัวเองด้วยการกินแมคโดนัลเซ็ทใหญ่แบบเพิ่มเฟรนฟรายเป็นสอง 

ฉันได้ของที่สั่งเดินออกมาพบว่าคนขับรถยืนถือร่มรอฉันอยู่ที่ถนน คนขับรถให้เหตุผลว่า เพราะฝนตกหนักมาก เที่ยวบินที่คุณโม่นั่งมาต้องลงจอดที่เทียนจิน จึงโทรให้เขามารับฉันแทน ตอนนั้นได้แต่ดีใจจึงลืมถามคนขับรถว่า โม่เส้าเชียนรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่ไหน

6.ต่อมาฉันถามโม่เส้าเชียนว่ารู้ได้ยังไงว่าตอนนั้นฉันติดฝนอยู่ที่ไหน เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจว่าแฟนของเยว่อิ๋งโทรไปบอก น่าผิดหวังจริงๆเลย ฉันนึกว่าเขาจะเหมือนกับผู้ชายในนิยายรักที่แอบติดตั้งสัญญาณจีพีเอสในโทรศัพท์ของฉัน ที่แท้ก็ถูกคนอื่นหักหลัง เฮอะ ผู้ชายในโลกเหมือนกันหมด

โม่เส้าเชียนกับสามีของเยว่อิ๋งถือว่าสนิทกันพอตัว ถึงจะไม่ใช่คนพูดมากทั้งคู่ แต่ถ้าได้คุยกันเรื่องงานเป็นคุยไม่จบไม่สิ้น แล้วยังชอบไปเล่นบาส ว่ายน้ำด้วยกันบ่อยๆ  นอกจากนี้กลางวันยังเข้าประชุมเกี่ยวกับโปรเจ็คที่ทำร่วมกันอีก

 ตอนแรกๆก็ไม่คิดอะไร แต่สักพักฉันอดใจไม่ไหวถามเยว่อิ๋งอย่างใคร่รู้ว่า สองคนนั้นเขาจะหนีตามกันไหม  เยว่อิ๋งที่อ่านนิยายมาจนโชกโชน ตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ตอบอย่างไม่แคร์ว่า อยากหนีตามกันไปก็เชิญ เพื่อให้รักแท้ของทั้งคู่สมปรารถนา ฉันยินดีสละแม้ชีพ






7.ตอนเข้านอน ฉันอดถามโม่เส้าเชียนไม่ได้ว่า คุณจะตกหลุมรักคนอื่นแล้วหนีตามกันไปรึเปล่า  เขาคร้านจะใส่ใจ พลิกตัวหันหลังให้ฉัน ผู้หญิงน่ารำคาญจะตาย ไม่อยากปวดกบาลกับอีกคนหรอก  จบกัน ...ไม่อยากปวดกบาลกับผู้หญิงอีกคน  หรือว่าเขาสนใจผู้ชายจริงๆ


แปลจากนวนิยายจีนเรื่อง "เชียนซานมู่เสว่" (ตอนชีวิตรักแสนหวานของฉันกับอสูรร้าย)  ผู้แปล Lee Linli


วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Qian shan mu xue (ตอนพิเศษ1)


เชียนซานมู่เสว่ (ตอนพิเศษ1)  ชีวิตรักแสนหวานของฉันกับอสูรร้าย


1.       
                        ฉันทำมือถือหายไปในวันที่ฝึกงานครบ9วันพอดี  ผลจากการไม่ได้รับโทรศัพท์เจ้านาย  จึงถูกเรียกไปด่า   “ฉันรับนักศึกษาฝึกงานมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร  แต่ไม่เคยเจอที่ซื่อบื้ออย่างเธอมาก่อนเลย วันนี้ทำมือถือหาย สงสัยพรุ่งนี้คงทำเอกสารของบริษัทหายอีก “

บลาๆๆๆๆ ....อยู่ค่อนชั่วโมงได้

หลังกลับถึงโต๊ะ  เสี่ยวเจาเพื่อนร่วมงานแสดงความเห็นใจ  ฉันรู้สึกเหมือนกันว่าเจ้านายโวยวาย    เกินกว่าเหตุ แต่จะทำยังไงได้ ในบรรดานักศึกษาฝึกงานที่เข้ามาพร้อมกัน ฉันเป็นลูกชังที่สุด

เลขาฯของเจ้านายโทรมาตามอีกหลังจากฉันนั่งได้ไม่นาน  บอกให้ฉันไปหาเจ้านายที่ห้อง

ท่าทางเขายังด่าไม่หนำใจ ดังนั้นระหว่างเดินเข้าประตูห้องฉันคิดไว้ว่า ถ้าเขายังด่าอีกฉันคงขอบาย  ไม่ฝึกแล้ว  แต่เขาไม่เพียงไม่ด่า  ซ้ำยังยื่นมือถือใหม่ส่งให้ฉัน

หน้าอันบึ้งตึง  กำชับฉันด้วยน้ำเสียงดุดัน  “ ถ้ายังทำหายอีก  ฉันจะไล่เธอออก”   เอ๊ะ ทำมือถือหายกับไล่ออกเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย...   เรื่องเล็กน้อยทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ 

2.         และแล้วก็เจอมือถือจนได้  ไม่รู้หล่นอยู่ในซอกโซฟาตั้งแต่เมื่อไร  ฉันหยิบมือถือวิ่งหน้าระรื่นไปที่ห้องอาบน้ำ 
ผลคือถูกด่าซ้ำ  “วันๆทำนั่นหายทำนี่หาย ยังมาระรื่นอีก”  คนด่าที่นอนแช่น้ำอยู่ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง
ฉันควันออกหูทันที  โพล่งไปว่า “คืนนี้คุณไปนอนห้องหนังสือเลยนะ” 

            “ไม่”   เขาขึ้นเสียงไม่พอใจ

            ฉันแอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ  ได้ยินเสียงเอื่อยๆเสริมมาว่า “ฉันจะนอนห้องรับแขก”

3.         โม่เส้าเชียนคนชั่ว  ชั่วช้าที่สุด

            เมื่อคืนเขาบอกนอนห้องรับแขก แต่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าให้ฉันนอนด้วย

            เขาย้อนว่า  “ ไม่ต้องบอกเธอก็น่าจะรู้เอง  ตอนแต่งงานกันเธอรับปากฉันว่าไง ฉันอยู่ที่ไหน เธอก็จะอยู่ที่นั่น” 

            ฉันเคยรับปากอะไรไว้  ทำไมฉันจำไม่ได้สักนิด


4.         เสี่ยวเจาเม้าส์กับฉันตอนพักกินข้าวเที่ยง เรื่องที่หล่อนได้ยินมาว่าเจ้านายมีเมียแล้ว  “ผู้หญิงคนนั้นสวยเริ่ดขนาดไหนกันนะ  ถึงได้จับเจ้านายเราจนอยู่หมัดได้”

            ฉันมั่นใจว่าเมียเขาไม่ใช่คนสวยแน่นอน   เสี่ยวเจาจ้องหน้าฉันเขม็ง “ แต่ยังไงก็ไม่ใช่ตือโป๊ยก่าย(หมูอ้วน)อย่างเธอแน่นอน”

            ตั้งแต่กลับประเทศมา ฉันกลายเป็นคนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า  เยว่อิ๋งแดกดันว่า ฉันไม่เหมือนคนที่กลับมาจากอเมริกาเลย  เหมือนกลับจากแอฟริกามากกว่า  ส่วนเสี่ยวเจาที่กินข้าวด้วยกันทุกวัน     ก็หาว่าฉันเป็นตือโป๊ยก่าย

เสี่ยวเจาสงสัยต่อ  “เธอว่าเมียเจ้านายเขาจะเรียกสามีตัวเองว่ายังไง  เรียกว่า เส้าเชียน  หรือเชียนเชียน  ฟังดูหวานแหววสนิทสนมดีเนอะ”

หวานแหววบ้าบออะไรกัน  ปกติน่ะฉันเรียกเขาว่า “อสูรร้าย”


5.         เจ้านายออกไปคุยธุรกิจที่อื่น  ซ้ำยังพาหัวหน้าฝ่ายต่างๆไปด้วย  เด็กๆในออฟฟิศยังกับปลากระดี่ได้น้ำ  ฉันกับเสี่ยวเจาเล่นเกมปลูกผักกันอย่างสบายอารมณ์  เสียงมือถือเจ้ากรรมก็ดังขึ้น

            “แอบเก็บผักอีกแล้วนะ”

            “เปล่านะ”

            “โกหก  ฉันเห็นชื่อเธอขึ้นออนไลน์อยู่”

            ฉันสะดุ้งเฮือก รีบออฟไลน์ทันที และไม่ลืมเรียกเสี่ยวเจาให้หยุดเล่น  เสี่ยวเจาสงสัยว่า ใครกันที่รู้ว่าเราแอบเล่นเกม  ฉันเฉไฉไปว่า แฟนฉันเอง 

            เสี่ยวเจาว่า  “จะกลัวทำไม  เธอแอบเล่นเกมในที่ทำงาน แฟนเธอมายุ่งอะไรด้วย”  อืม จริงอย่างที่หล่อนพูด ว่าแล้วฉันก็ปลูกผักของฉันต่อไป


6.         เสี่ยวเจาถามฉันอย่างสงสัยว่า  เพิ่งเรียนจบทำไมถึงรีบแต่งงาน  แฟนฉันเป็นคนดีมากจนต้องรีบจับไว้หรือไง               ฉันเลยต้องร่ายยาวให้ฟัง

            เขาเป็นคนอารมณ์ร้าย อะไรนิดอะไรหน่อยก็หน้าบึ้ง  เห็นฉันเป็นเด็กสามขวบ ไม่ให้เกียรติฉัน  ใจแคบเป็นที่สุด  แค่ฉันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนชายสมัยเรียนเขาก็ไม่พอใจ และคอยก่อกวนจนฉันต้องวางสาย  ไม่เคยเดินชอปปิ้งด้วย ทุกครั้งที่เอาบิลค่าใช้จ่ายไปให้เซ็นต์ชื่อ ก็บ่นว่าฉันใช้จ่ายฟุ่มเฟือย  แล้วก็ไม่ยอมให้ฉันต่อโทที่เมืองนอก   หาว่าฉันโง่  เวลาอยู่บ้านต้องให้เขาเป็นใหญ่ที่สุด  เวลาอยู่นอกบ้านก็ห้ามบอกคนอื่นว่าฉันเป็นเมียเขา

            เสี่ยวเจาตกใจคิดไม่ถึง “เธอไปตกหลุมรักคนแบบนี้ได้ยังไงกัน ” ฉันคิดอยู่นานก่อนจะตอบไปว่า  เขาหาเงินเก่ง

7.         เสี่ยวเจาคนปากมาก  ไม่นานทั้งบริษัทก็รู้ว่าสามีของฉันเป็นผู้ชายแบบไหน  และแล้วเรื่องก็เข้าหูใครบางคน

            ที่ร้ายก็คือเช้าวันถัดมาฉันแทบลุกไม่ขึ้น จึงมาทำงานสาย รางวัลพนักงานดีเด่นหมดกันคราวนี้

            เสี่ยวเจาเจอฉันยังมีหน้าปลอบใจว่าไม่เป็นไร  เพราะวันนี้เจ้านายก็มาสายเหมือนกัน  แน่ล่ะ ก็เขาไม่ต้องตอกบัตรนี่

8.         ฉันดีใจสุดๆตอนได้รับเงินเดือนเดือนแรก  นัดเสี่ยวเจาไปเดินซื้อของด้วยกัน  เดินอยู่เป็นนานสองนานได้เนคไทมาเส้นเดียว  แถมแพงหูฉี่เท่ากับเงินเดือนของฉันทั้งเดือนอีกต่างหาก

            วันต่อมาเสี่ยวเจาเปรยให้ฟังอย่างอารมณ์ดีว่า เจ้านายคนนี้เป็นผู้ชายที่รสนิยมดีที่สุดที่หล่อนเคยเจอมา  จากนั้นก็หันมาชมฉันว่ามีสายตาแหลมคม  ซื้อเนคไทให้สามีเหมือนกับเส้นที่เจ้านายผูกมายังกับแกะ

            เสี่ยวเจาเล่าต่อว่า  วันนี้เจ้านายอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หน้าตาอิ่มเอิบ ออกจากลิฟท์มายังยิ้มไม่หุบ ซึ่งปกติเขาเป็นคนยิ้มยาก  เห็นอย่างนี้ทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆกัน

            ส่วนฉัน ยิ้มไม่ออกจริงๆ เงินเดือนทั้งเดือนแลกกับรอยยิ้มของเจ้านายที่เคารพรัก 

            ช่างเป็นรอยยิ้มที่แพงอะไรเช่นนี้



9.         วันนี้หลังเลิกงาน ฉันและเพื่อนๆในแผนกนัดกันไปร้องคาราโอเกะ ตกลงกันว่าให้พาแฟนไปได้  มีฉันคนเดียวที่ไม่ได้พาไป  เสี่ยวเจาหันมาถามฉันว่าทะเลาะกับแฟนรึเปล่า  ฉันตอบไปว่าเขาทำโอที  ร้องได้สักพักโทรศัพท์ฉันก็ดัง ปลายสายว่า “จะให้ฉันไปรับ หรือให้คนรถไปรับ”

            ฉันตอบกลับไปอย่างสมน้ำหน้า  “ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับ  เพราะอะไรคุณไปคิดเอาเอง”

            ขากลับฉันนั่งแท็กซี่คันเดียวกับเสี่ยวเจา  ระหว่างทางหล่อนตื่นเต้นดีอกดีใจชี้ให้ฉันดูกระจกมองหลัง “ดูสิ นั่นรถเจ้านายเรานี่” 

            เสี่ยวเจาว่าคืนนี้เป็นคืนที่หล่อนมีความสุขจริงๆ เพราะรถของเจ้านายตามรถแท็กซี่ที่เรานั่งมาตลอดทาง

10.       เมื่อรู้ว่าพี่ซุนตั้งท้อง ทุกคนจึงเทคแคร์เป็นพิเศษ  ฉันจ๊ะเอ๋กับเจ้านายตรงเครื่องถ่ายเอกสาร  เขาถือเอกสารมาถ่ายด้วยตัวเอง  ฉันออดอ้อนออเซาะให้เขาฟังว่าคนท้องทำอะไรก็ไม่สะดวกสักอย่าง  พูดจนเมื่อยปากเขาก็ยังเฉย  สุดท้ายหยิบเอกสารในมือฉันไปถ่ายให้จนเสร็จ ถึงตอบกลับมาว่า  “ต่อให้เธอพูดจนเพดานถล่มลงมา   ช้าสุดปีหน้า เธอต้องมีลูกให้ฉัน”

                                        โว๊ย  บ้ากันไปใหญ่แล้ว  เห็นคนอื่นมีลูกก็อยากจะมีบ้าง



11.       ถึงวันเกิดฉัน เพื่อนร่วมงานหุ้นกันซื้อเค๊กให้ แล้วยังซื้อตุ๊กตาหมีตัวโตให้อีกหนึ่งตัว  เย็นนั้นฉันอุ้มตุ๊กตาหมีกลับบ้านด้วยความสุขใจ  มีคนนึงที่บ้านไม่ยอมให้ของขวัญ เป็นคนใจแคบที่คิดแต่จะล้างแค้น เพราะตอนวันเกิดเขา ฉันซื้อถุงอย่างว่าให้เขาไปหนึ่งโหล ( คำว่า “ถุงอย่างว่า” คิดว่าผู้แต่งน่าจะหมายถึงถุงยางอนามัย)


12.       แต่ในที่สุดคนที่บ้านคนนั้นก็ให้ของขวัญจนได้  ฉันเปิดดู แล้วก็ต้องร้องไห้ราวกับเสียสติ  ของขวัญที่เขาให้ฉันเป็นวีดีโอจากกล้องวงจรปิดของสนามบิน  ฉันที่อยู่ในวีดีโอกำลังก้มหน้าดูมือถือ น้ำตาหลั่งลงมาอย่างน่าเวทนา  ส่วนเขายืนอยู่ตรงทางเดินหลังผนังกระจกนั้น  ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่า ตอนนั้น เขาก็ร้องไห้อยู่เช่นกัน...