บทนำ
โบราณว่า หลังความวุ่นวายต้องมีความสงบสุข
หลังความสงบสุขต้องมีความวุ่นวาย
เซิ่งเจี้ยนชิงโชคไม่ดีอย่างมาก
เขาพลาดความวุ่นวายในช่วงก่อตั้งราชวงศ์เซิ่ง
และที่โชคร้ายสุดขีดก็คือ
ดันมาเกิดในยุคที่เฟื่องฟูและร่มเย็นที่สุดของราชวงศ์เซิ่ง
ที่โชคไม่ดีอย่างที่สุดของที่สุดคือ
เขาถึงกับมาเกิดอยู่ในท้องของสนมคนโปรดของจักรพรรดิองค์ก่อน
ผลลัพธ์ไม่ต้องคิดก็รู้… ราชโอรสลำดับที่สอง
บวกกับเสด็จพ่อทิ้งแผ่นดินที่รุ่งเรืองและผาสุกเอาไว้
นอกจากนั้นจักรพรรดิผู้เป็นพี่ชายคนโตของเขาก็ทรงพระปรีชาสามารถ ทั้งแวดล้อมด้วยขุนนางเก่งกล้าและภักดี
ด้วยเหตุนี้ การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
ภยันตรายถึงชีวิตภายในราชสำนักที่ประดาราชโอรสต้องประสบ
เซิ่งเจี้ยนชิงล้วนไม่มีคุณสมบัติพบเจอแม้แต่นิดเดียว
ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเลิศหรูและไร้ซึ่งความทุกข์
สำหรับคนที่เกรงว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวาย และชิงชังที่ตนไม่ได้เกิดในยุคสามก๊กแล้ว
ช่างเป็นเรื่องน่าสลดใจชนิดหนึ่งจริงๆ
แต่โชคดี สวรรค์มักประทานทางออกแก่ผู้จนตรอกเสมอ
บนโลกนี้นอกจากวังหลวงและจวนอ๋องแล้ว
ยังมีอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ… ยุทธภพ
และการแสวงหาชีวิตที่มีสีสันอันบรรเจิดในยุทธภพ
วิธีที่ทั้งง่ายและเร็วก็คือ ขโมยป้ายชื่อของแต่ละค่ายพรรค
..........
หงจ่าวก็โชคไม่ดีเช่นกัน
เขาเป็นเด็กฉลาด มีความจำเป็นเลิศ
ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ เขาจำได้แม่นยำว่าตอนสามขวบ
เขากระทืบแมลงสาบตายไปสองตัวอย่างกล้าหาญยิ่ง (กรุณาจำให้ดี สองตัว
ไม่ใช่ตัวเดียว)
น้าสามที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันถึงกับลูบศีรษะพลางชมเชยเขา “เด็กคนนี้มือเท้าว่องไวดีจริงๆ”
ป้าหกที่อยู่ด้านข้างก็เสริมว่า “ใช่ ไม่แน่นะ
โตขึ้นอาจได้เป็นจอมยุทธใหญ่”
จอมยุทธใหญ่สามคำนี้ หงจ่าวจดจำฝังใจมานานถึงสิบสี่ปีแล้ว
และสามคำนี้นั่นเอง หงจ่าวจึงเริ่มเข้าสู่เส้นทางอันยากลำบากเพื่อกลายเป็นจอมยุทธใหญ่
ไม่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ไม่มีทรัพย์ ไม่มีคนหนุนหลัง
การที่จะเปลี่ยนจากเด็กบ้านนอกที่ไม่เป็นวรยุทธคนหนึ่งไปเป็นจอมยุทธใหญ่
ปณิธานชนิดนี้ ก็ถือเป็นโชคร้ายเช่นกัน
จะมีเจ้าสำนักสักกี่คนรับศิษย์กระจอกๆ ที่ไม่สะดุดตาคนหนึ่ง
จะมีศิษย์ที่ไร้ซึ่งชื่อเสียงสักกี่คน
สามารถกลายเป็นจอมยุทธ์ใหญ่ที่ชนทั้งหล้าเลื่อมใส
โชคดี ท่านไม่สอนข้า อย่างไรต้องมีสักคนที่สอนข้า
ในยุทธภพมีค่ายสำนักมากมาย งั้นข้าก็กราบ กราบ กราบ… ต่อไป!